"สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน
โดยพระราชประสงค์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงตระหนักในความสำคัญของหนังสือสารานุกรมว่า เป็นแหล่งความรู้ที่จำเป็นในการศึกษาแก่คนทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะเด็กไทยที่ยังขาดที่เรียน และหนังสือเรียนอยู่เป็นอันมาก เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๖ จึงได้มีพระราชปรารภเรื่องการจัดทำหนังสือสารานุกรม สำหรับเด็กและเยาวชนขึ้น พระบรมราชาธิบายเกี่ยวกับสารานุกรมไทย สำหรับเยาวชนฯ พอจะอัญเชิญมากล่าวโดยสรุปดังนี้
๑. สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ ต้องเป็นหนังสือที่คนไทยเป็นผู้เขียนขึ้น เพื่อให้คนไทยอ่าน จัดทำ โดยทุนของคนไทย ไม่ใช่ถอดแบบมาจากต่างประเทศเสียทั้งหมด คือ เพียงแต่รักษาแบบที่ฝรั่งทำไว้เป็นตัวอย่างดีอยู่แล้ว นำมาคิดทำแบบของเราให้เหมาะสมกับคนไทย
๒. สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ ต้องเป็นหนังสือประเภทความรู้ทั่วไป มีความรู้สารพัดอย่าง จะช่วยแก้ปัญหาของการขาดแคลนแหล่งความรู้ การขาดแคลนครู และการขาดแคลนโรงเรียนได้เป็นอย่างดี
๓. สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ จะต้องให้ความรู้ในวิชาทุกสาขาวิชา และแต่ละสาขาวิชานั้น มีความสัมพันธ์ ซึ่งกันและกัน
๔. สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ จะทำขึ้นสำหรับ ๓ ระดับอายุ ในเล่มเดียวกัน เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจเรื่องราวได้ ตามระดับอายุ คือ ก) ระดับเด็กเล็ก อายุระหว่าง ๘-๑๑ ปี
ข) ระดับเด็กกลาง อายุระหว่าง ๑๒-๑๔ ปี
ค) ระดับเด็กโต เรียนอยู่ในชั้นมัธยมศึกษา และผู้ใหญ่ผู้สนใจทั่วไป
๕. สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ นี้ ต้องมีเฉพาะหลักวิชาแท้ เฉพาะข้อเท็จจริง ผู้เขียนจะไม่แสดงความคิดเห็นของตนเอง ในเรื่องนั้นๆ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงตระหนักในความสำคัญของหนังสือสารานุกรมว่า เป็นแหล่งความรู้ที่จำเป็นในการศึกษาแก่คนทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะเด็กไทยที่ยังขาดที่เรียน และหนังสือเรียนอยู่เป็นอันมาก เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๖ จึงได้มีพระราชปรารภเรื่องการจัดทำหนังสือสารานุกรม สำหรับเด็กและเยาวชนขึ้น พระบรมราชาธิบายเกี่ยวกับสารานุกรมไทย สำหรับเยาวชนฯ พอจะอัญเชิญมากล่าวโดยสรุปดังนี้
๑. สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ ต้องเป็นหนังสือที่คนไทยเป็นผู้เขียนขึ้น เพื่อให้คนไทยอ่าน จัดทำ โดยทุนของคนไทย ไม่ใช่ถอดแบบมาจากต่างประเทศเสียทั้งหมด คือ เพียงแต่รักษาแบบที่ฝรั่งทำไว้เป็นตัวอย่างดีอยู่แล้ว นำมาคิดทำแบบของเราให้เหมาะสมกับคนไทย
๒. สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ ต้องเป็นหนังสือประเภทความรู้ทั่วไป มีความรู้สารพัดอย่าง จะช่วยแก้ปัญหาของการขาดแคลนแหล่งความรู้ การขาดแคลนครู และการขาดแคลนโรงเรียนได้เป็นอย่างดี
๓. สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ จะต้องให้ความรู้ในวิชาทุกสาขาวิชา และแต่ละสาขาวิชานั้น มีความสัมพันธ์ ซึ่งกันและกัน
๔. สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ จะทำขึ้นสำหรับ ๓ ระดับอายุ ในเล่มเดียวกัน เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจเรื่องราวได้ ตามระดับอายุ คือ ก) ระดับเด็กเล็ก อายุระหว่าง ๘-๑๑ ปี
ข) ระดับเด็กกลาง อายุระหว่าง ๑๒-๑๔ ปี
ค) ระดับเด็กโต เรียนอยู่ในชั้นมัธยมศึกษา และผู้ใหญ่ผู้สนใจทั่วไป
๕. สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ นี้ ต้องมีเฉพาะหลักวิชาแท้ เฉพาะข้อเท็จจริง ผู้เขียนจะไม่แสดงความคิดเห็นของตนเอง ในเรื่องนั้นๆ
"รางวัลซีไรต์"
รายชื่อหนังสือที่ได้รับรางวัลซีไรต์
ปี ชื่อหนังสือ ประเภท ผู้แต่ง
2522 ลูกอีสาน นวนิยาย คำพูน บุญทวี
2523 เพียงความเคลื่อนไหว กวีนิพนธ์ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
2524 ขุนทองเจ้าจะกลับม า เรื่องสั้น อัศศิริ ธรรมโชติ
เมื่อฟ้าสาง
2525 คำพิพากษา นวนิยาย ชาติ กอบจิตติ
2526 นาฎกรรมบนลานกว้าง กวีนิพนธ์ คมทวน คันธนู
2527 ซอยเดียวกัน เรื่องสั้น วาณิช จรุงกิจอนันต์
2528 ปูนปิดทอง นวนิยาย กฤษณา อโศกสิน
2529 ปณิธานกวี กวีนิพนธ์ อังคาร กัลยาณพงศ์
2530 ก่อกองทราย เรื่องสั้น ไพฑูรย์ ธัญญา
2531 ตลิ่งสูง ซุงหนัก นวนิยาย นิคม รายยวา
2532 ใบไม้ที่หายใบ กวีนิพนธ์ จิระนันท์ พิตรปรีชา
2533 อัญมณีแห่งชีวิต เรื่องสั้น อัญชัน
2534 เจ้าจันทร์ผมหอม นวนิยาย มาลา คำจันทร์
2535 มือนั้นสีขาว กวีนิพนธ์ ศักดิ์ศิริ มีสมสืบ
2536 ครอบครัวกลางถนน เรื่องสั้น ศิลา โคมฉาย
2537 เวลา นวนิยาย ชาติ กอบจิตติ
2538 ม้าก้านกล้วย กวีนิพนธ์ ไพวรินทร์ ขาวงาม
2539 แผ่นดินอื่น เรื่องสั้น กนกพงศ์ สงสมพันธุ์
2540 ประชาธิปไตยบน นวนิยาย วินทร์ เลียววาริณ
เส้นขนาน
2541 ในเวลา กวีนิพนธ์ แรคำ ประโดยคำ
2542 สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน เรื่องสั้น วินทร์ เลียววาริณ
2543 อมตะ นวนิยาย วิมล ไทรนิ่มนวล
2544 บ้านเก่า กวีนิพนธ์ โชคชัย บัณฑิต
2545 ความน่าจะเป็น เรื่องสั้น ปราบดา หยุ่น
2546 ช่างสำราญ นวนิยาย เดือนวาด พิมวนา
2547 แม่น้ำรำลึก กวีนิพนธ์ เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์
2548 เจ้าหงิญ เรี่องสั้น บินหลา สันกาลาคีรี
2549 ความสุขของกะทิ นวนิยาย งามพรรณ เวชชาชีวะ
2550 โลกในดวงตาของข้าพเจ้า กวีนิพนธ์ มนตรี ศรียงค์
2551 เราหลงลืมอะไรบางอย่าง รวมเรื่องสั้น วัชระ สัจจะสารสิน
2552 ลับแล แก่งคอย นวนิยาย อุทิศ เหมาะมูล
2553 ไม่มีหญิงสาวในบทกวี กวีนิพนธ์ ซะการีย์ยา อมตยา
2554 แดดเช้าร้อนเกินกว่าจะนั่งจิบกาแป รวมเรื่องสั้น จเด็จ กำจรเดช
แรคำ ประโดยคำ นักเขียนรางวัลซีไรต์ ปี 41
เกิดเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2495 ที่จังหวัดจันทบุรี สำเร็จปริญญาศิลปศาสตร์บัณฑิต ( ภาษาไทย ) จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อปี พ ศ. 2518 และปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิต( วรรณคดีไทย ) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ. 2534 ปัจจุบันรับราชการตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีหนังสือบทกวีรวมเล่มมาแล้ว 5 เล่ม คือ
แรคำ ( 2528 ) รางวัลดีเด่นในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำปี 2528และ
และเข้ารอบสุดท้ายรางวัลซีไรต์ระจำปี 2529
ลานชเล ( 2533 ) รางวัลชมเชยในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำปี 2534
ดิน น้ำ ลม ไฟ (2535 ) เข้ารอบสุดท้ายรางวัลซีไรต์ระจำปี 2535
น้ำพุรุ้ง (2538 ) เข้ารอบสุดท้ายรางวัลซีไรต์ระจำปี 2538 และได้รับรางวัล
ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำปี 2539
ในเวลา ( 2541 ) รางวัลซีไรต์ประเภทกวีนิพนธ์
วิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ ปี 2543
วงษ์สฤษฏ์ ไทรนิ่มนวล เจ้าของนามปากกา วิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนหนุ่มใหญ่วัย 45ปี
เป็นชาวอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม จบการศึกษาปริญญาตรี คณะศึกษาศาสตร์ ม. ศรีนครินทรวิโรฒ
ประสานมิตร เคยรับราชการเป็นครูมานานกว่า 10 ปีเต็ม ก่อนที่จะออกมาทำงานเขียนเต็มตัว โดยการก่อ
ตั้งสำนักพิมพ์ทานตะวัน ในปี 2526 เคยจัดพิมพ์นิตยสารวรรณกรรม “ เพื่อนนักอ่าน “ และงานเขียนของตนเอง
ตลอดระยะเวลาการทำหน้าที่บทบาทเจ้าของสำนักพิมพ์ทานตะวันมาเป็นเวลานับ 10 ปี
วิมล ไทรนิ่มนวล ต้องประสบปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนัก หลังจากปิดสำนักพิมพ์ตัวเองแล้ว วิมล ก็มาร่วม
งานกับ ต้นอ้อ - แกรมมี่ ซึ่งก็ต้องปิดตัวเองในเวลาต่อมา นวนิยายเรื่องล่าสุด อมตะ วิมลได้ร่วมลงทุนกับ
เพื่อนๆ จัดพิมพ์ขึ้น ในนามสำนักพิมพ์ สยามประเทศ
อมตะ เป็นนวนิยายเชิงจินตนาการถึงโลกอนาคต เกี่ยวกับการแสวงหาความเป็นอมตะของชีวิต
โดยใช้รูปแบบวิวาทะระหว่างแนวคิดบริโภคนิยม กับแนวคิดทางศาสนาของโลกตะวันออก โครงเรื่องหลัก
คือ การทำโคลนนิ่งมนุษย์ในอนาคต และการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ อันนำไปสู่ปัญหาด้านมนุษยธรรมและ
จริยธรรม
โชคชัย บัณฑิต
เกิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2509 ที่ อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ ผ่านการศึกษาในโรงเรียนหลายแห่ง ตามเงื่อนไขของครอบครัวที่ต้องการให้ได้รับโอกาสทางการศึกษามากที่สุด โดยเริ่มจากโรงเรียนปฐมสิทธิพิทยาคาร ( ป.1-4 ) และโรงเรียนบูรพาศึกษา ( ป.5-6 ) ในอำเภอบ้านเกิด จากนั้นจึงได้เข้ามาศึกษาต่อที่ โรงเรียนโชติรวี ( ป7 ) และโรงเรียนนครสวรรค์ ( ม.ศ. 1-5 ) ในตัวจังหวัด ก่อนสำเร็จปริญญาตรี รัฐศาสตร์บัณฑิต จากคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต ( ไทยศึกษา ) จากคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงตามลำดับ
ผลงานบทกวี
1. กังสดาลดอกไม้ 2534
2. ลมอ่อนตะวันอุ่น 2537
3. เงานกในร่มไม้ 2538
รางวัลทางวรรณกรรมที่เคยได้รับรางวัล
· พ.ศ. 2535 บทกวี เวทนา ได้รับรางวัลชมเชย
จากสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย
· พ.ศ. 2541 บทกวี ปีกไม้ - ลายแทง ได้รับรางวัล
ชมเชยจากสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย
ปัจจุบันรับราชการในตำแหน่งวิทยาจารย์
สอนวิชาภาษาไทย อยู่ที่ศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวี กรม
เจ้าท่า กระทรวงคมนาคม
บ้านเก่า สื่อความคิดของกวี โดยเรียบเรียง
ประสบการณ์และสิ่งธรรมดาสามัญรอบตัว ซึ่งคน
ทั่วไปอาจมองข้าม กวีสังเกตสังคมด้วยสัมผัสอันละเอียดอ่อน จากมุมมองเฉพาะตัวที่โดดเด่น โดย
มีภาพ “บ้านเก่า” ซึ่งแสดงวิถีชีวิตดั้งเดิมเป็นฉาก
เขามองเห็นความเปลี่ยนแปลงของสังคมเมือง โดย
เฉพาะกระแสบริโภคนิยมและเทคโนโลยีสมัยใหม่
ที่รุกเข้ามาลบภาพ “ บ้านเก่า ’’ ไปทีละน้อย